ฟันเทียมคือสิ่งประดิษฐ์ที่ทำขึ้นเพื่อใช้ทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว ป้องกันปัญหาฟันล้มเอียงและการยื่นยาวของฟันคู่สบ ช่วยคงรูปร่างใบหน้า การออกเสียงให้เป็นปกติ โดยแบ่งง่ายๆ เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- ฟันเทียมแบบถอดได้
- ฟันเทียมแบบติดแน่น
- รากฟันเทียม
ซึ่งมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้
1. ฟันเทียมแบบถอดได้ แบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำ เช่น ฐานโลหะ หรือพลาสติก
- ข้อดี ราคาถูก ขึ้นกับจำนวนซี่ที่ใส่ สามารถถอดมาล้างทำความสะอาดได้
- ข้อเสีย เคี้ยวอาหารไม่สะดวกเท่าแบบติดแน่น อาจมีความรำคาญเวลาสวมใส่ในระยะแรก เศษอาหารอาจติดใต้ฟันเทียม ควรถอดล้างทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
ฟันเทียมแบบถอดได้ เหมาะสำหรับการใส่ฟันหลายตำแหน่ง ฟันเทียมชนิดนี้ต้องมีส่วนยึดโยงบนเพดานหรือตรงใต้ลิ้นเพื่อยึดฟันปลอม การทำซับซ้อนน้อยกว่า ค่าใช้จ่าย ถูกกว่า ทำความสะอาดง่าย ถอดออกมาล้าง สะอาดทั้งฟันจริงและฟันปลอม
2. ฟันเทียมแบบติดแน่น ได้แก่ ครอบฟัน สะพานฟัน แบ่งเป็นประเภทย่อยๆ เช่นกันตามชนิดของวัสดุที่ใช้ทำ
- ข้อดี สวยงาม ประสิทธิภาพดี แข็งแรง ประสิทธิภาพการบดเคี้ยว ใกล้เคียงฟันธรรมชาติ เพราะแรงที่เคี้ยวถ่ายลงตัวฟัน ไม่ใช่ถ่ายลงที่เหงือก ไม่รำคาญ เหมือนฟันถอดได้
- ข้อเสีย ต้องมีการกรอเนื้อฟันเพื่อยึดฟันปลอม ทำให้สูญเสียเนื้อฟัน ถอดออกมาล้างทำความสะอาดไม่ได้ ราคาแพง
3. รากฟันเทียม เป็นวัสดุโลหะคล้ายรากฟัน โดยมีการฝังรากฟันเทียมลงไปตรงกระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นเพื่อทดแทนรากฟันที่หายไป ใช้ร่วมกับฟันเทียมแบบติดแน่นและถอดได้
- ข้อดี มี ประสิทธิภาพใกล้เทียงรากฟันจริงและมีความสวยงาม
- ข้อเสีย ราคาค่อนข้างสูง ระยะเวลาในการทำ ประมาณ 3-6 เดือนจะมีขั้นตอนการรักษาเป็นระยะๆ เช่น การผ่าตัด ปักรากเทียม พิมพ์ต่อครอบฟันหรือเชื่อมต่อฟันปลอม เป็นต้น
ฟันเทียมแต่ละชนิดมีข้อกำหนดและขั้นตอนในการทำการรักษาแตกต่างกัน หากท่านสนใจทำฟันปลอม ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจประเมินสภาพช่องปากและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพช่องปากและความต้องการครับ